จากการเรียนพบว่า ความแข็งแรงของกล้ามจะยุ่ระหว่าง 3-10 กก. (โดยเฉลี่ย 6.3 โลต่อพื้นที่หน้าตัดของกล้าม 1ตารางเซนติเมตร การที่กล้ามของแต่ละคนมีความแข็งแรงแตกต่างกัน 

ถึงแม้พื้นที่หน้าตัดของกล้ามสองผูกจะเสมอกันนั้น เพราะมีเยื่อไขมัน (Fat 12bet Tissueที่แทรกอยู่ในกล้ามเป็นตัวขวางสมรรถนะการยุบตัวของผูกกล้ามนั้นๆแล้วก็ต้นเหตุที่ได้กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีต้นเหตุอื่นๆ

ผลกระทบต่อความแข็งแรงของกล้าม

การจัดลำดับตัวของใยกล้าม

จากการเรียนพบว่า กล้ามที่มีเส้นใยเรียงหน้าขนานไปกับความยาวของกล้ามจะมีกำลังสำหรับเพื่อการหดตัวหรือแข็งแรงน้อยกว่ากล้ามที่เส้นใยมีการเรียงหน้าแบบขน

ความเหน็ดเหนื่อย

กล้ามที่ถูกใช้งานมากมายรวมทั้งเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จะมีผลให้กำเนิดความอ่อนแรง ซึ่งทำให้ความแข็งแรงน้อยลง

อุณหภูมิ

การยุบตัวของกล้ามจะเร็วรวมทั้งร้ายแรงที่สุด ถ้าเกิดอุณหภูมิของกล้ามสูงยิ่งกว่าอุณหภูมิปกติของร่างกายบางส่วน แม้กระนั้นหากอุณหภูมิต่ำหรือสูงเกินความจำเป็นจะได้ผลเสียต่อสมรรถนะของกล้าม 

เพราะเหตุว่าทำให้โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต่างๆไม่สามารถที่จะปฏิบัติภารกิจได้ปกติ ยิ่งกว่านั้นความร้อนที่สูงเหลือเกินบางทีอาจไปทำลายโปรตีนในกล้ามได้อีกด้วย

ระดับการฝึกหัด

ทดสอบหรือ ฝึกหัดผ่านสิบสองเบ็ด หรือศึกษาข้อมุลผ่านบทความ เช่น กล้ามที่ได้รับการฝึกหัดอยู่เป็นจำจะมีกำลังสำหรับเพื่อการหดตัวสูงขึ้นมากยิ่งกว่ากล้ามที่มิได้รับการฝึกฝน ดังนี้ต้องระมัดระวังการฝึกหัดมากจนเกินความจำเป็น

ระทั่งกำเนิดอาการที่เรียกว่าการซ้อมเกิน”(Over Trainingเพราะว่านอกเหนือจากจะได้ผลสำเร็จเสียต่อความสามารถของกล้ามแล้วยังก่อเกิดวาวอิดหนาระอาใจต่อการฝึกหัดตามมาอีกด้วย

การพักผ่อนหย่อนใจระหว่างการฝึกฝน

 

การออกกำลังกายที่ทำต่อเนื่องกันไปโดยไม่มีการหยุดพัก จะมีผลให้กำลังสำหรับเพื่อการหดตัวของกล้ามเบาๆน้อยลง เนื่องมาจากแหล่งพลังงานที่ต้องสำหรับเพื่อการดำเนินงานเริ่มน้อยลง ขณะที่ของเสียภายในร่างกายเริ่มมีเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นการหยุดพักรวมทั้งการพักผ่อนหย่อนใจก็เลยมีความสำคัญ เพื่อเวลากับระบบหายใจและก็ระบบไหลเวียนเลือดได้กำจัดของเสียออกมาจากกล้ามและก็สะสมพลังงานจะได้ทำให้กำลังสำหรับเพื่อการหดตัวของกล้ามรักษาความแข็งแรงไปได้อีกนาน

อายุ แล้วก็เพศ

โดยปกติความแข็งแรงของกล้ามจะมีการเปลี่ยนอยู่ในตอนจำนวนร้อยละ 10-20 ของความแข็งแรงธรรมดาแล้วก็ความแข็งแรงสูงสุดจะอยู่ในช่วงอายุ 20-30 ปี ภายหลังความแข็งแรงจะเบาๆลดน้อยลง โดยที่ความแข็งแรงที่น้อยลงนี้จะเกิดขึ้นที่กล้ามขา ลำตัว และก็แขน 

ความแข็งแรงสูงสุดของคนอายุ 65 ปี จะมีความแข็งแรงสูงสุดราวจำนวนร้อยละ 65-70 ของความแข็งแรงสูงสุดที่เขาเคยมีอยู่ในช่วงอายุ 20-30 ปี สำหรับเรื่องเพศนั้น ในช่วงอายุไม่เกิน 12 ปี 

ความรู้ความเข้าใจของทั้งคู่เพศสำหรับการวิ่งและก็ผู้กระทำระกระโดดไม่ได้มีความแตกต่างกันเมื่ออายุยุ่ในตอน 13 – 18 ปี วิวัฒนาการด้านความแข็งแรงของผู้ชายจะสูงขึ้นมากยิ่งกว่าแล้วก็โดยเฉลี่ยกล้ามของเพศหญิงจะมีความแข็งแรงราว ส่วน ของเพศชาย

จำนวนของสารอาหาร

ที่เป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่สะสมไว้ภายในร่างกายเป็นฟอสโฟคลีเอตำหนิน (Phosphocreatine)และก็ไกลวัวเจน (12bet Glycogen) เริ่มลดน้อยลงหรือหมดไป จะมีผลให้กำลังสำหรับเพื่อการหดตัวของกล้ามต่ำลง

Categorized in: