ทุกวันนี้เราคงเคยได้ยิน คนพูดถึงหลอดไฟ LED กันอยู่บ่อยๆ แล้วหลอด LED นี่มันคืออะไรกันนะ หลอด LED นั้นย่อมาจาก Light Emitting Diode หมายถึง ไดโอดเปล่งแสง เป็นสารกึ่งตัวนำไฟฟ้า หลักการทำงานก็ง่ายๆ เพียง

แค่จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น หลอด LED ก็จะเปล่งแสงได้ทันที หลอดไฟ LED นี้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รับกับการใช้ไฟในปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นว่าคนนิยมใช้หลอด LED แทนหลอดไฟทั่วไปกันมากขึ้น แล้วเจ้าหลอดไฟ LED มีดีอะไรกันนะ ทำไมคนถึงนิยมใช้กันเยอะ และนี่ก็เป็น 8 เหตุผลหลักที่ช่วยให้คุณลองตัดสินใจเปลี่ยนจากหลอดไฟทั่วไปมาลองใช้หลอดไฟ LED

ขอบคุณเครดิตรูปภาพ : goo.gl/4ZkUjL

ข้อดี – ข้อเสีย หลอดไฟ LED

  1. ประหยัดค่าไฟได้มากกว่าหลอดไฟธรรมดาทั่วไป เพราะหลอดไฟ LED จะแปลงกระแสไฟฟ้าให้เป็นแสงสว่างทันที โดยไม่ต้องแปลงเป็นความร้อน จึงทำให้ประหยัดพลังงานได้มาก ว่ากันว่าหลอดไฟ LED ประหยัดไฟได้มากกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ถึง 85% และประหยัดกว่าหลอดไส้ถึง 90% โดยทีเดียว
  2. หลอดไฟ LED มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของอายุการใช้งานที่ยาวนาน ว่ากันว่าสามารถใช้ได้ยาวมากกว่า 50,000 ชั่วโมงหรือ 5 ปีขึ้นไป ซึ่งแตกต่างจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่มีอายุการใช้งาน 30,000 ชั่วโมงและหลอดไส้ที่มีอายุการใช้งานแค่ 1,000 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งแนวโน้มในอนาคตผู้ผลิตอาจคิดค้นให้หลอดไฟ LED มีอายุการใช้งานได้ถึงสิบปีเลยทีเดียว ทำให้เราไม่ต้องเปลี่ยนหลอดไฟบ่อย หมดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องเปลี่ยนหลอดไฟไปอีกหลายปี เมื่อเทียบกับความคุ้มค่าในเรื่องของอายุการใช้งานกับหลอดไฟทั่วไปแล้ว หลอดไฟ LED ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าลองมากๆ
  3. สามารถเปิด – ปิดสวิตซ์ได้บ่อยตามที่ต้องการ หรือเปิดได้มากกว่า 50,000 ครั้ง โดยไม่ต้องกังวลว่าอายุของหลอดไฟจะสั้นลง หลอดจะขาดง่ายหรือกว่าจะออกก็ต้องกระพริบเหมือนหลอด ฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดไส้ทั่วไป แค่เปิดสวิตซ์ก็ให้แสงสว่างได้แบบปุ๊บปั๊บทันที แถมยังไม่ต้องใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงในการเปิดหลอด นอกจากนี้ยังติดตั้งง่ายและทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย
  4. เนื่องจากตัวหลอดไฟ LED ผลิตจากพลาสติกและโพลีเมอร์ จึงทำให้มีความทนทานสูง ไม่เปราะบางหรือแตกหักง่ายเหมือนหลอดฟลูออเรสเซนต์ แม้จะถูกทุบตีอย่างรุนแรง ก็ไม่แตกหักได้ง่ายและยังใช้งานได้ตามปกติ นอกจากนี้หลอดไฟ LED ยังทนต่อแรงสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี เพราะมีข้อดีตรงนี้ คนจึงนิยมนำไปติดตั้งตามโรงงานอุตสาหกรรม รถยนต์และเครื่องบินอีกด้วย
  5. ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ทำให้เกิดมลภาวะและไม่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจก เนื่องจากตัวหลอดไฟทำมาจากพลาสติกและโพลีเมอร์ จึงสามารถย่อยสลายได้ง่ายและไม่มีส่วนประกอบของสารปรอทและกระจกเหมือนหลอดฟลูออเรสเซนต์ ทำให้ปลอดภัย นอกจากนี้ตัวหลอดยังนำไปรีไซเคิลต่อได้อีกด้วย ถือว่าเป็นการช่วยโลกลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปในตัว เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขนาดนี้ เห็นทีต้องรีบซื้อมาใช้กันแล้ว
  6. มีดีไซน์ให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบหลอดรูปทรงเทียน หลอดทรงกลม หลอดทรงยาว เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเฉดสีต่างๆให้เลือกมากมายหลายสี ซึ่งหลอดไฟแต่ละรูปแบบก็ให้แสงและอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้เราก็เลือกให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่จะใช้งานเพื่อสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้มีอารมณ์และโทนที่ต้องการได้
  7. แสงจากไฟ LED ไม่มีรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวีเหมือนกับหลอดไฟอื่นๆ สาวๆจึงไม่ต้องกังวลว่าผิวและสายตาจะเสีย ทั้งยังช่วยถนอมสายตาอีกด้วย นอกจากนี้ยังนิยมนำไปติดตั้งในพิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน สถานที่จัดงานอาร์ตแกลลอรี่หรือสถานที่ที่มีสิ่งของที่ไวต่อแสงและความร้อนอีกด้วย
  8. หลอดไฟ LED มีอุณหภูมิที่ร้อนน้อยกว่าหลอดไฟแบบธรรมดาทั่วไป เพราะเป็นหลอดที่ไม่มีไส้ จึงไม่มีการเผาไส้หลอด และใช้กระแสไฟน้อย ระบายความร้อนได้ดี ทำให้ความร้อนภายในบ้านลดลง เมื่อความร้อนลดลงก็จะทำให้บ้านเย็นขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านก็จะทำงานลดลงด้วยเช่นกัน แถมยังเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกต่างหาก นอกจากนี้ยังช่วยให้ตัวอาคารลดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าในเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย เป็นการประหยัดพลังงานได้อีกเยอะเลยทีเดียวเชียว

ส่วนข้อเสียของหลอดไฟ LED นั้นใช่ว่าจะไม่มีเลย มันก็มีเหมือนกันตรงในแง่ของราคาที่ดูจะแพงกว่าหลอดไฟธรรมดาทั่วไปมาก โดยเฉพาะหลอดไฟ LED สีขาวที่มีราคาแพงมากเป็นพิเศษ เพราะผลิตยาก และเมื่อเราไม่ได้ใช้งานมันบ่อยๆ ก็จะทำให้ประหยัดพลังงานได้ไม่คุ้มค่ากับราคาของหลอดไฟ

เป็นไงบ้างกับข้อดี 8 ข้อของมัน ถึงแม้ว่าตัวหลอดไฟจะมีราคาที่แพงแต่เมื่อมาชั่งใจดูแล้ว   จะเห็นได้ว่าข้อดีของหลอดไฟ LED มีเยอะกว่าหลอดไฟธรรมดาทั่วไปมาก ที่สำคัญยังเป็นหลอดไฟที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากถึงมาก

ที่สุด ไม่ทำอันตรายให้กับห้อง อาคารหรือสถานที่ที่เราจะนำไปติดตั้งด้วย ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้ราคาของหลอดไฟ LED จะมีราคาแพงกว่าหลอดไฟอื่นๆทั่วไปมาก แต่เชื่อว่าในอนาคตเมื่อมีผู้คนนิยมใช้หลอดไฟ LED ภายในบ้านกันเยอะมากขึ้น ย่อมมีการแข่งขันกันระหว่างบริษัทที่ผลิตหลอดไฟอยู่แล้ว  ก็จะทำให้หลอดไฟ LED มีราคาถูกลงจนเทียบเท่ากับหลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดไส้อย่างแน่นอน