หญ้าปักกิ่ง รักษาโรคได้

หญ้าปักกิ่ง เมื่อพูดถึงสมุนไพรชื่อนี้ สำหรับคนที่ชื่นชอบในเรื่องสมุนไพรก็อาจจะรู้จักกันดี เพราะเจ้าสมุนไพรชนิดนี้มีชื่อเสียงเล่าอ้างกันมาอย่างช้านานว่าสามารถช่วยต้านโรคมะเร็งได้เหมาะดูแลผู้ป่วย แต่ว่านอกเหนือจากนั้นมีใครทราบกันบ้างหรือเปล่าว่าสรรพคุณหญ้าปักกิ่งยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง ไม่ต้องสืบเสาะหาข้อมูลกันให้ยุ่งยากอีกต่อไป เพราะวันนี้เราจะหยิบเอาเจ้าสมุนไพรที่น่าอัศจรรย์นี้มาขยายความให้รู้กันดีถี่ถ้วนมากขึ้น อยากรู้ว่าหญ้าปักกิ่ง สรรพคุณเป็นอย่างไร และมีผลข้างเคียงอะไรที่ควรระมัดระวังหรือเปล่า ต้องรีบตามไปอ่านกัน

 

สรรพคุณของหญ้าปักกิ่ง

  1. ในประเทศไทยมีผู้นำหญ้าปักกิ่งมาใช้เพื่อรักษาอาการของโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งในลำคอ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งมดลูก มะเร็งตับ มะเร็งผิวหนัง และมะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia – ลูคีเมีย) เป็นต้น ด้วยการนำหญ้าปักกิ่ง 6 ต้น ที่ล้างน้ำสะอาดแล้ว นำมาปั่นหรือตำให้แหลก เติมน้ำ 4 ช้อนโต๊ะ แล้วคั้นเอาแต่น้ำแบ่งครึ่ง ใช้ดื่มก่อนอาหารเช้าครึ่งชั่วโมงและช่วงก่อนนอนรวมเป็น 2 ครั้ง (ทั้งต้น)
  2. ช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ด้วยการรับประทานยา (น้ำคั้นหญ้าปักกิ่ง) นี้ไม่เกิน 4-6 สัปดาห์ และควรมีช่วงหยุดยา โดยให้รับประทานยาติดต่อกัน 5-6 วัน แล้วให้หยุดยา 4-5 วัน ทำเช่นนี้จนครบกำหนด (ทั้งต้น)
  3. ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น บำรุงพลัง และช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ทั้งต้น)
  4. ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ด้วยการนำหญ้าปักกิ่งที่ถอนสด ๆ รวมราก มาล้างให้สะอาด นำมาต้มกับน้ำ หลังเดือดแล้วให้เติมน้ำผึ้งพอประมาณ ใช้ดื่มวันละ 3 เวลา จะช่วยทำให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ (ทั้งต้น)
  5. ใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีเม็ดเลือดขาวต่ำ มีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลด เมื่อใช้สมุนไพรหญ้าปักกิ่ง จะพบว่าเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น (ทั้งต้น)
  6. หมอยาพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานีจะใช้ทั้งต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด รักษาเบาหวาน (ทั้งต้น)
  7. ช่วยป้องกันและบำบัดโรคความดันโลหิตสูงและต่ำ (ทั้งต้น)
  8. ช่วยป้องกันและบำบัดโรคไทรอยด์ (ทั้งต้น)
  9. ดอกมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจ (ดอก)
  10. หญ้าปักกิ่งทั้งต้นมีรสจืดชุ่ม เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอด มีสรรพคุณช่วยขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้เด็กตัวร้อน เป็นไข้ แก้ร้อนในปอด (ทั้งต้น)
  11. ตำรายาจีนจะใช้หญ้าปักกิ่งเป็นยารักษาและบรรเทาอาการของโรคในระบบทางเดินหายใจ (ทั้งต้น)
  12. ใช้เป็นยาแก้ไอ (ทั้งต้น)
  13. หญ้าปักกิ่งมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการเจ็บคอ (ทั้งต้น)
  14. ใช้เป็นยาแก้ร้อนในปอด (ทั้งต้น)
  15. ต้นมีสรรพคุณเป็นยาแก้โรคกระเพาะอาหารและลำไส้เหมาะดูแลผู้ป่วย (ต้น)
  16. ใช้เป็นยาแก้บิด (ทั้งต้น)
  17. ใช้รักษาโรคโกโนเรีย (หนองในแท้) ด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาต้มกินกับน้ำผึ้ง (ทั้งต้น)
  18. ใช้เป็นยาแก้ฝีภายในหรือภายนอกที่มีหนองบวมอักเสบ (ทั้งต้น)
  19. ช่วยแก้ไตอักเสบ (ดอก)
  20. สำหรับผู้ที่เป็นแผลเรื้อรัง การใช้สมุนไพรชนิดนี้ พบว่าจะทำให้ให้แผลแห้ง ไม่มีหนองและน้ำเหลือง (ทั้งต้น)
  21. ใช้เป็นยาแก้อักเสบ ปวดบวม ด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาตำพอกบริเวณที่เป็น (ทั้งต้น)
  22. ยาจีนจะใช้หญ้าปักกิ่งเป็นยาขับพิษ กำจัดพิษ ล้างพิษที่ตกค้างออกจากร่างกาย (ทั้งต้น)
  23. ใช้ป้องกันสารพัดโรค ด้วยการรับประทานหญ้าปักกิ่งสด ๆ (ที่ล้างสะอาดแล้ว) หรือปรุงเป็นอาหารจิ้มกินกับน้ำพริกก็ได้ โดยให้รับประทานวันละ 14 วัน (ใบ)
  24. มีการใช้หญ้าปักกิ่งเป็นส่วนประกอบในยาแผนโบราณของจีนมานานกว่า 1,000 ปีแล้ว โดยนำมาใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยเพิ่มความสมดุลของระบบในร่างกาย เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวในร่างกาย (ทั้งต้น)
  25. หญ้าปักกิ่งมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตและการพัฒนาของเซลล์เม็ดเลือดขาว ช่วยซ่อมแซมเซลล์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับและม้าม (ทั้งต้น)
  26. นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอื่น ๆ ที่ระบุถึงสรรพคุณของหญ้าปักกิ่งไว้อีกหลายอย่าง เพียงแต่ข้อมูลดังกล่าวนั้นไม่มีแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือได้ จึงไม่ทราบแน่ชัดว่าหญ้าปักกิ่งจะมีสรรพคุณตามนั้นหรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลได้ระบุสรรพคุณนอกจากที่ผมกล่าวมาแล้วว่า หญ้าปักกิ่งสามารถช่วยบำรุงหัวใจ รักษาโรคโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ แก้ไมเกรน ภูมิแพ้ ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น ทำให้น้ำเหลืองแห้ง และยังสามารถนำหญ้าปักกิ่งมาตำพอกรักษาแผลต่าง ๆ ได้อีกด้วย เช่น เริม งูสวัด แผลเบาหวาน เป็นต้น (ข้อมูลส่วนนี้ผมอ่านเจอจากเว็บไซต์ที่จำหน่ายสมุนไพรหญ้าปักกิ่งนะครับ)

 

หมายเหตุ : การเก็บมาใช้ให้ใช้ทั้งต้น (เฉพาะส่วนที่อยู่เหนือดิน คือ ลำต้นและใบ) ที่มีอายุประมาณ 3-4 เดือนขึ้นไป หรือตั้งแต่เริ่มออกดอก ส่วนวิธีการใช้หญ้าปักกิ่งตาม  ถ้าเป็นยาแห้งให้ใช้เพียงครั้งละ 10-15 กรัม แต่ถ้าเป็นต้นสดให้ใช้ครั้งละ 20-30 กรัม นำมาต้มกับน้ำหรือนำมาตำคั้นเอาแต่น้ำรับประทาน

 

หญ้าปักกิ่ง

หญ้าปักกิ่ง

 

ประโยชน์ของหญ้าปักกิ่ง

  • คนเมืองจะใช้ใบของหญ้าปักกิ่งนำมารับประทานร่วมกับลาบเพื่อช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและต้านอนุมูลอิสระ (ใบ)
  • ในด้านประโยชน์ทางการแพทย์ จะใช้เป็นยาร่วมในการรักษามะเร็งเหมาะดูแลผู้ป่วย ยับยั้งการแพร่กระจายของมะเร็งและการกลับมาเป็นอีก รวมทั้งใช้ปรับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และสามารถช่วยลดผลข้างเคียงจากการรักษาแผนปัจจุบันได้ เช่น ผลข้างเคียงจากการฉายรังสี เคมีบำบัด ที่ทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ปากแห้ง เป็นแผลในปาก ผมร่วง อ่อนเพลีย ท้องเสีย ท้องผูก ปวดข้อและกล้ามเนื้อ เป็นต้น ซึ่งเป็นการทำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะช่วยลดความทุกข์ทรมาน ส่วนบางรายมีอายุยืนยาวมากขึ้น
  • ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป โดยอาจปลูกเป็นพืชคลุมดินใต้ต้นไม้ใหญ่ หรือปลูกในกระบะหรือกระถางก็ได้ หญ้าปักกิ่งเป็นพืชที่ปลูกง่ายและไม่จำเป็นต้องมีเนื้อที่มาก
  • ปัจจุบันสถาบันวิจัยและพัฒนาขององค์การเภสัชกรรมได้นำหญ้าปักกิ่งมาพัฒนาเป็นยาเม็ด (ส่วนประกอบทุกอย่างเป็นสารที่มาจากธรรมชาติ) ออกจำหน่าย ทั้งนี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยได้หาซื้อมารับประทานได้โดยง่าย และได้รับคุณค่าจากหญ้าปักกิ่งตามต้องการอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากยาเม็ดที่ได้จะผ่านกระบวนการผลิตและควบคุมคุณภาพด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อประกันคุณภาพของยา (ยา 2 เม็ด มีคุณค่าเทียบเท่ากับต้นหญ้าปักกิ่ง 3 ต้น) โดยให้รับประทานก่อนอาหารเช้าครึ่งชั่วและก่อนเข้านอนครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้ป่วย หมายความว่าถ้าผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัว 40 กิโลกรัมขึ้นไปให้รับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง แต่ถ้าเป็นเด็กอายุ 6-12 ขวบ หรือผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่า 40 กิโลกรัม ให้รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ส่วนเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ขวบ หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่า 20 กิโลกรัม การนำไปใช้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ครับ ส่วนรับประทานเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น ให้รับประทานยานี้เป็นรอบโดยรับประทาน 7 วัน แล้วหยุด 4 วันสลับกันไป นับเป็น 1 รอบ แล้วเริ่มประทานรอบใหม่ต่อไป ส่วนระยะเวลาการรับประทานก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการรักษา ถ้าใช้ลดผลข้างเคียงจากรังสีบำบัดหรือเคมีบำบัดของผู้ป่วยมะเร็ง ก็ให้รับประทานควบคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบันครับ ถ้าใช้ป้องกันการแพร่กระจายและการกลับมาเป็นซ้ำของผู้ป่วยมะเร็งหลังจากได้รับการรักษาแล้ว ก็ให้รับประทานติดต่อกันประมาณ 1 ปี และตรวจมะเร็งปีละ 2 ครั้ง แต่ถ้าใช้ในกรณีเพิ่มเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายกับผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งเหมาะดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะช่วงที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ติดเชื้อไวรัส) ก็ให้รับประทานติดต่อกันไม่เกิน 6-8 สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะนำมาใช้เพื่อจุดประสงค์ใดก็ต้องใช้สูตรเดิมครับ คือ รับประทาน 7 วัน หยุด 4 วันสลับกันไปเรื่อย ๆ ตามกำหนด

 

ดอกหญ้าปักกิ่ง

ดอกหญ้าปักกิ่ง

 

ข้อควรระวังในการใช้หญ้าปักกิ่ง

  • หญ้าปักกิ่งมีฤทธิ์เป็นยาเย็น ไม่ควรนำมาใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเกินไป หากรับประทานต่อเนื่องกันหลายปีโดยไม่หยุด อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ แขนขาชา กล้ามเนื้อลีบจนไม่อาจเดินได้ แต่เมื่อหยุดรับประทานอาการเหล่านี้จะหายไป
  • หากใช้เกินขนาดที่กำหนดจะมีผลกดระบบภูมิคุ้มกัน
  • ผลข้างเคียงของการรับประทานสมุนไพรชนิดนี้ คือ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นประมาณ 0.5-1 องศาเซลเซียส
  • ปฏิกิริยาหรือผลข้างเคียงในระยะ 7-10 วันแรก หลังจากการรับประทาน อาจทำให้มีอาการหงุดหงิด โมโหง่าย นอนไม่หลับ หรือเป็นไข้ อาจมีน้ำเลือดปนหนองออกทางอุจจาระ น้ำปัสสาวะอาจมีกลิ่นเหม็นเหมือนน้ำล้างปลา เป็นต้น แต่ไม่ได้ความว่าจะเป็นแบบนี้ทุกคนหรือทุกอาหาร และเมื่อเป็น อาการทั้งหลายจะหายไปเอง ไม่ต้องตกใจ เพราะยากำลังออกฤทธิ์
  • ใบของหญ้าปักกิ่งเมื่อสัมผัสผิวหนังจะทำให้เกิดอาการแพ้ มีอาการคันได้ เนื่องจากภายในใบมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลตรูปเข้มจำนวนมากและมีเกลืออนินทรีย์ของโซเดียมและโพแทสเซียมอยู่ประมาณ 0.1%

 

 

 

 

เรียบเรียงโดย: MCCONTENT

ที่มา: medthai.com

Categorized in: