ตลาด DRAM ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ โดยมีปัจจัยหลักมาจากความต้องการ HBM (High Bandwidth Memory) สำหรับ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อห่วงโซ่อุปทานและราคา DRAM ทั่วโลก
ราคาพุ่งแรงจากการขาดแคลนชิป
ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 ตลาด DRAM ทั่วโลกได้เผชิญกับราคาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางรุ่นราคาสูงขึ้นเกือบ 50% ภายในหนึ่งเดือน โดยสื่อรายงานว่า Samsung ได้ปรับขึ้นราคา DDR4 ถึง 20% และ DDR5 อีก 5% ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นักวิเคราะห์จาก CFM Flash Market ระบุว่า สาเหตุสำคัญมาจากการที่ผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น Samsung และ SK Hynix ปรับเปลี่ยนกำลังการผลิตไปเน้น HBM และ DRAM สำหรับเซิร์ฟเวอร์มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการจากอุตสาหกรรม AI
นอกจากนี้ การที่ผู้ผลิตแจ้งยุติการผลิต (EOL) DDR4 ทำให้บริษัทปลายน้ำเร่งกักตุนสินค้าเพื่อรองรับความต้องการในตลาดเซิร์ฟเวอร์และ PC ส่งผลให้สินค้า DDR4 ขาดตลาดในระยะสั้น
ใครคือผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์?
ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการปรับขึ้นราคาครั้งนี้คือ ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ (OEMs) ซึ่งตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2025 ก็ยืนยันเรื่องนี้ โดย SK Hynix มีกำไรจากการดำเนินงานสูงถึง 7.44 ล้านล้านวอน และครองส่วนแบ่งตลาด HBM ได้ถึง 70% ส่วน Micron ก็มีรายได้จาก HBM ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2025
ในทางกลับกัน ผู้ผลิตโมดูลหน่วยความจำ กลับต้องเผชิญกับแรงกดดันทางธุรกิจอย่างหนัก นักวิเคราะห์ชี้ว่าราคาขายปลีกที่เพิ่มขึ้นมักไม่ครอบคลุมต้นทุนที่สูงขึ้นจากการจัดซื้อชิป บางบริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยสาเหตุหลักมาจากการปรับขึ้นราคาที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้น และความต้องการสินค้าของลูกค้าที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
อนาคตของตลาดหน่วยความจำ
แม้ว่าตลาดจะยังมีความไม่แน่นอน แต่ก็มีปัจจัยบวกหลายประการที่น่าจับตามองในครึ่งหลังของปี 2025 นักวิเคราะห์คาดว่าราคาสัญญาซื้อขาย DRAM ในไตรมาส 3 ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เทคโนโลยี AI กำลังเข้ามาขับเคลื่อนตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค เช่น AI PC และ AI Smartphone ซึ่งจะสร้างอุปสงค์ใหม่ ๆ ในตลาดหน่วยความจำ
ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำในประเทศจีน ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากน้อยกว่า 7% ในปี 2023 เป็นประมาณ 12% ในปี 2024 ผู้บริหารจากผู้ผลิตหน่วยความจำในจีนมองว่า การที่ผู้ผลิตรายใหญ่ระดับโลกถอนตัวจากตลาดสินค้าบางกลุ่ม ทำให้เกิดช่องว่างและโอกาสที่ดีสำหรับผู้ผลิตท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตในจีนยังคงเผชิญกับความท้าทายด้านเทคโนโลยีและสิทธิบัตรเมื่อเทียบกับบริษัทชั้นนำระดับโลก รวมถึงความผันผวนของตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค และความสามารถในการจัดหาวัตถุดิบและอุปกรณ์สำคัญก็ยังคงเป็นข้อจำกัดในการพัฒนา
